”โรคที่ทุกคนมองข้าม ภัยเงียบ จากภาวะโรคกระดูกพรุน(Osteoporosis) “ - Once In A Life Time

Once In A Life Time

ก้าวไปกับเราครั้งหนึ่งในชีวิต

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Saturday, June 3, 2023

”โรคที่ทุกคนมองข้าม ภัยเงียบ จากภาวะโรคกระดูกพรุน(Osteoporosis) “


สัมภาษณ์พ.ท. ผศ. นพ. ภูริพันธ์ จิรางกูร   ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อ รพ. พระมงกุฎเกล้า 


➢ ภาวะโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) คือโรคที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกน้อยลง  เกิดจากกระบวนการสร้างกระดูกใหม่ทดแทนกระดูกเก่าที่เสื่อมสภาพไม่สมดุลกับกระบวนการสลายของกระดูก เนื้อกระดูกพรุน มีเนื้อกระดูกที่ผิดปกติ ความหนาแน่นของกระดูกลดลงขณะที่กำลังเจริญเติบโตหรือมีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างมากหลังจากเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว  ทำให้กระดูกเปราะบาง ไม่สามารถรับน้ำหนักและแตกหักง่าย


➢ ทำไมถึงเรียกว่าเป็นภัยเงียบ เนื่องจากไม่ได้มีอาการบ่งชี้แต่อย่างใด   ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเองมีภาวะกระดูกพรุน  เมื่อกระดูกสันหลังโปร่งบางและยุบตัวลงช้า ๆ  จนมีอาการหลังงุ้มหลังงอ  กระทั่งมาทับเส้นประสาท ทำให้เกิดเป็นโรคอัมพฤต อัมพาต ในที่สุด และจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุ  แค่ล้มเบา ๆ  ก็ทำให้กระดูกหักได้ โดยเฉพาะที่กระดูกข้อสะโพก  และกระดูกหลัง  ไม่ว่าจะผ่าตัดดีแค่ไหน  ก็ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้  ก่อให้เกิดความพิการและมีคุณภาพชีวิตที่ด้อยลงไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันเองได้  แต่ก็มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่งคือมีส่วนสูงที่ลดลง


➢ สาเหตุของภาวะกระดูกพรุน  เกิดจาก  แคลเซี่ยมในกระดูกลดลง  ซึ่งมีผลจากโรคต่าง ๆ  อาทิเช่น โรคตับ  ไต  ภูมิคุ้มกันตัวเอง ไทรอยด์ เบาหวาน เพศหญิงที่ได้รับการผ่าตัดเอารังไข่ออกทั้งสองข้างในช่วงก่อนหมดประจำเดือน หมดประจำเดือนเร็ว   ผู้ที่รับยากลุ่มเสตียรอยด์  ตลอดจนผู้ดื่มแอลกฮอล์  น้ำอัดลม  และผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย  จะเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย  เนื่องจาก เพศหญิงมีภาวะวัยหมดประจำเดือน มวลกระดูกจะลดลงเรื่อย ๆ ในทุกปี  


➢ ทำอย่างไรจะไม่เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน   ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยกลางคน จะมีการสะสมแคลเซียมที่กระดูก จนถึงวัยนึงที่เรียกว่า  Peak bone mass คือวัยที่มีค่ามวลกระดูกสูงสุด ซึ่งจะอยู่ในช่วงอายุ 20-30 ปี เมื่อถึงวัยกลางคน โดยเฉพาะในเพศหญิง จะลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงหมดประจำเดือน  จึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้ดี  มากกว่าเพศชาย ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง อาทิเช่น นม โยเกิร์ต  นมถั่วเหลือง  ไข่แดง  ปลาแซลมอล ปลาทูน่า ปลาตัวเล็กตัวน้อย เป็นต้น   ผักผลไม้ เช่น กีวี  ส้ม มะละกอ ผักใบเขียว  ที่มีแคลเซียมสูงมาก ๆ คือผักโขม ใบยอ   และสำหรับรับวิตามินดี จาก  ถั่วอัลมอล  เม็ดมะม่วงหิมพานต์  ถั่วงอก  ถั่วฝักยาว  งาดำ  แล้วนั้น   วิตามินดี  ยังได้มาจากแสงแดด แสงยูวี ที่ทำปฏิกิริยากับผิวหนัง สังเคราะห์เป็นวิตามินดี  ซึ่งมีประโยชน์ ในการดูดซึมแคลเซี่ยม  มีผลกับวงจรการสร้างของกระดูก ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ควบคุมความดันโลหิต ลดอาการซึมเศร้า คลายความเครียด  ได้อีกด้วย

ดังนั้น ควรรับแสงแดดในช่วงเช้า  หรือช่วงเย็น ที่มีแดดอ่อน ๆ  เพราะจะได้ไม่ร้อนมากเกินไป   ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าคนไทยจำนวนมากมีภาวะขาดวิตามินดี   หลีกเลี่ยง เครื่องดื่มแอลกฮอล์  น้ำอัดลม  กาแฟ  และบุหรี่


➢ การคัดกรอง ภาวะโรคกระดูกพรุน  ควรไปตรวจวัดความหาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density :BMD)  ในเพศหญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป  เพศชายอายุ 70 ปีขึ้นไป  หากมีอายุต่ำกว่านี้ และเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง จากสาเหตุที่กล่าวข้างต้น ก็สามารถไปตรวจคัดกรองได้ก่อน  

 

➢ เมื่อทราบว่าเป็นต้องทำอย่างไร    ใช้ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (Bisphosphonates) ใช้สำหรับป้องกันและรักษาโรคกระพรุน  ซี่งมีทั้งแบบรับประทานและยาฉีด เพื่อลดการสลายกระดูก ยับยั้งการทำงาน รวมถึงทำให้อายุของเซลล์ที่ทำหน้าที่สลายกระดูกลดน้อยลง ลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหัก ปรับโภชนาการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม และวิตามินดี  ร่วมกับการออกกำลังกาย

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad