ซีพีเอฟ - สจล. เตรียมนำเทคโนโลยี “eDNA” ช่วยควบคุมปลาหมอคางดำให้อยู่ในพื้นที่จำกัด - Once In A Life Time

Once In A Life Time

ก้าวไปกับเราครั้งหนึ่งในชีวิต

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Thursday, September 12, 2024

ซีพีเอฟ - สจล. เตรียมนำเทคโนโลยี “eDNA” ช่วยควบคุมปลาหมอคางดำให้อยู่ในพื้นที่จำกัด


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ จับมือกับสถาบันเทคโนโยลีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เตรียมใช้เทคนิค Environmental DNA (eDNA) ในการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ (Sarotherodon melanotheron) ในแหล่งน้ำและพื้นที่กันชน ร่วมสนับสนุนภาครัฐแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน



นายเปรมศักดิ์ วนัชสุนทร ผู้บริหารสูงสุดด้านการวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้กำหนดแผนปฏิบัติการเชิงรุก 5 โครงการ เพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำอย่างเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น การจับปลาออกจากแหล่งน้ำให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกในการปล่อยปลาผู้ล่า ตามขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเป็นหนึ่งในแผนปฏิบัติงานเชิงรุกของบริษัทฯ ภายใต้โครงการที่ 5 ที่มุ่งมั่นร่วมทำวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว 


ผศ. ดร.ธงชัย พุฒทองศิริ คณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตรกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ ว่า สจล. เป็นมหาลัยที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ ได้นำเทคนิค eDNA มาวิเคราะห์ DNA ของปลาหมอคางดำที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งวิธีในการประเมินสุขภาพโดยรวมของระบบนิเวศทางน้ำ จากการเก็บรวบรวมร่องรอยพันธุกรรมที่สัตว์ปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อม จะช่วยให้สามารถระบุความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และเข้าใจว่าจำนวนประชากรของปลามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร การวิเคราะห์และประเมินผลด้วยวิธีนี้จะช่วยป้องกันการระบาดและโอกาสเสี่ยงในการแพร่กระจายไปยังแหล่งน้ำอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ผศ.ดร.วัลย์ลดา กลางนุรักษ์ ผู้ช่วยคณบดีคณะเทคโนโลยีการเกษตร สจล. กล่าวว่า เทคโนโลยี eDNA เป็นวิธีการใหม่ในการสำรวจสัตว์น้ำและประเมินความหลากหลายทางชีวภาพที่มีความแม่นยำสูง สามารถตรวจพบร่องรอยดีเอ็นเอที่สัตว์น้ำปล่อยออกมาในน้ำ ซึ่งสามารถระบุการมีอยู่ของสัตว์น้ำชนิดนั้นได้แม้มีในปริมาณหรือจำนวนตัวที่น้อยมาก หรือในบริเวณที่ยากต่อการสำรวจแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยเครื่องมือประมง 



“การใช้ eDNA ในการสำรวจการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยให้เราสามารถระบุขอบเขตพื้นที่ที่มีการระบาดได้ชัดเจน กำหนดพื้นที่กันชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด สามารถนำข้อมูลมาประกอบการพัฒนาการจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำได้อย่างยั่งยืน” ผศ.ดร.วัลย์ลดา กล่าว


สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่าง สจล. กับ ซีพีเอฟ จะทำการศึกษาในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศไทย โดยเริ่มต้นเก็บน้ำในพื้นที่ที่มีรายงานการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ จากนั้นนำตัวอย่างน้ำที่เก็บได้ไปทำการวิเคราะห์ eDNA ในห้องปฏิบัติการ เพื่อระบุการมีอยู่และความหนาแน่นของปลาหมอคางดำในแต่ละพื้นที่ที่มีการระบาด รวมถึงแหล่งน้ำที่ยังไม่ระบาดแต่มีโอกาสเสี่ยงของการแพร่กระจาย (พื้นที่กันชน) นำมาช่วยให้การวางแนวทางการเฝ้าระวังและกำหนดมาตรการควบคุมไม่ให้มีการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรับทราบผลได้อย่างรวดเร็ว  


นอกจากนี้ ในการศึกษายังครอบคลุมถึงการหาความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ของสัตว์น้ำประจำถิ่นชนิดอื่นๆ เช่น ปลาผู้ล่าในธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งจะสามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือประมง เช่น การจับด้วยตาข่ายหรือเครื่องมือประมงที่เหมาะสม จากนั้นนับจำนวนและระบุชนิดของปลาที่จับได้ในพื้นที่ที่กำหนดเพื่อนำมาร่วมพิจารณาหาแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างยังยืน


ผศ.ดร.วัลย์ลดา กล่าวต่อไปว่า การวิเคราะห์ผลจากเทคนิค eDNA จะสนับสนุนการวางแผนและกำหนดวิธีการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถปล่อยปลาผู้ล่าที่เป็นชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างเหมาะสมด้วย โดยไม่จำเป็นต้องนำปลาผู้ล่าชนิดอื่นที่อาจเป็นเอเลียนสปีชีส์เข้าไปในพื้นที่ 


สำหรับแผนปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหาการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำของ ซีพีเอฟ ประกอบด้วย โครงการที่ 1 ทำงานร่วมกับกรมประมงสนับสนุนการรับซื้อปลาหมอคางดำจากทุกจังหวัดทั่วประเทศที่มีการระบาด ราคา 15 บาทต่อกิโลกรัม จำนวน 2,000,000 กิโลกรัม นำมาผลิตเป็นปลาป่นเพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำออกจากระบบให้มากและเร็วที่สุด ขณะนี้รับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ไปมากกว่า 800,000 กิโลกรัม 


โครงการที่ 2 ร่วมสนับสนุนภาครัฐและชุมชน ปล่อยปลาผู้ล่าลงสู่แหล่งน้ำ จำนวน 200,000 ตัว โดยที่ผ่านมา บริษัทมีการส่งมอบปลากะพงขาว จำนวน 70,000 ตัว ให้กับประมงจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจันทบุรี โครงการที่ 3 ร่วมสนับสนุนภาครัฐ ชุมชนและภาคประชาสังคม จัดกิจกรรมจับปลา สนับสนุนอุปกรณ์จับปลาและกำลังคน ในทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องดำเนินการแล้ว 13 จังหวัด รวม 26 ครั้ง จับปลาได้ 15,658 กิโลกรัม


โครงการที่ 4 การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากปลาหมอคางดำ โดยมีสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศึกษาวิจัยและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร และโครงการที่ 5 ร่วมทำวิจัยกับผู้เชี่ยวชาญในการหาแนวทางควบคุมประชากรปลาหมอคางดำในระยะยาว สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง./


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad