จากข้อมูลการเฝ้าระวังการเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วมของกรมควบคุมโรคและกองสาธารณสุขฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม - 9 ตุลาคม 2565 พบผู้เสียชีวิตสะสมรวม 51 ราย เสียชีวิตจากการจมน้ำ 49 ราย และอีก 2 รายมีสาเหตุจากต้นไม้ล้มทับ ผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมากที่สุด ร้อยละ 37.3 รองลงมาคือกลุ่มอายุ 45-59 ปี ร้อยละ 23.5 เพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 4 เท่า โดยผู้เสียชีวิตที่ทราบสาเหตุจำนวน 38 ราย ครึ่งหนึ่งมีสาเหตุจากการขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมและออกหาปลา คิดเป็นร้อยละ 21.1 และร้อยละ 18.4 ตามลำดับ ส่วนในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี คือ การเล่นน้ำในพื้นที่น้ำท่วม โดยชวนกันไปเล่นน้ำเป็นกลุ่ม (ร้อยละ 15.8) และในผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีประวัติการดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้องคิดเป็นร้อยละ 13.7 จุดเกิดเหตุส่วนใหญ่เป็นบริเวณถนนที่มีน้ำท่วมขังมากที่สุด (ร้อยละ 19.6) รองลงมาเป็นบ้านและบริเวณรอบบ้าน (ร้อยละ 15.7) และฝาย (ร้อยละ 15.7) จังหวัดที่พบการจมน้ำเสียชีวิตมากที่สุด คือ ศรีสะเกษ (จำนวน 11 ราย) รองลงมาคือ นครราชสีมา และพระนครศรีอยุธยา (จังหวัดละ 5 ราย)”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสพบการเสียชีวิตในช่วงน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน และจากการพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าในวันที่ 11-17 ต.ค. 65 สภาพอากาศที่แปรปรวน จะมีฝนตกเพิ่มขึ้น มีฝนตกหนักในบางพื้นที่และฝนที่ตกสะสม ทำให้แหล่งน้ำต่างๆ มีปริมาณน้ำมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมหรือพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลัน ขอให้ระมัดระวังและเพิ่มความปลอดภัยจากการจมน้ำ โดยเฉพาะการเดินทางและทำกิจกรรมทางน้ำ ดังนี้ 1. เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง ไม่ควรขับรถหรือเดินลุยน้ำผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วม เพราะความสูงของน้ำเพียง 15 เซนติเมตร สามารถทำให้เสียหลักและล้มได้ 2. หลีกเลี่ยงหรืองดการออกหาปลา/ประกอบอาชีพ เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกกระแสน้ำพัดพา หรือตกลงไปในบ่อน้ำลึกได้ 3. ห้ามเล่นน้ำ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก 4. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 5. เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ให้อยู่ใกล้แหล่งน้ำตามลำพัง 6. สวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่เดินทางโดยสารเรือ ออกหาปลา/ประกอบอาชีพ หรือทำกิจกรรมทางน้ำ หากไม่มีให้ใช้อุปกรณ์ลอยน้ำได้อย่างง่าย เช่น แกลลอนพลาสติกเปล่าปิดฝาขนาด 5 ลิตร สะพายแล่ง ติดตัวไปด้วย และ 7.ให้ติดตามข้อมูลข่าวสาร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”
No comments:
Post a Comment