วันที่ 15 พ.ย. 65 เวลา 10.30 น.
นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนพร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ตรวจราชการกรม นักวิชาการสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในนำตัวแทนพัฒนาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุยบุรี ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าและสนับสนุนงานการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฏีใหม่ ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา " กรมการพัฒนาชุมชน ณ พื้นที่ต้นแบบ นายบุญเลิศ เเสงนิล บ้านหนองเตาปูน หมู่ที่ 7 ตำบลกุยเหนือ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยการลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นการสนับสนุนงานการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่ซึ่งประสบกับปัญหาสภาพดินที่ไม่เหมาะกับการเพาะปลูกในรูปแบบโคกหนองนาน้ำเค็มชายฝั่งทะเล แปลงนายบุญเลิศ แสงนิลซึ่งมีการติดตามสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นรูปประธรรมและเป็นแบบอย่างในการ "แก้ปัญหาทีละจุด" ตามหลักการทรงงาน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่มีสภาพพื้นที่เดิมเป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมตลอดปี และมีธูปฤาษีขึ้นเต็มสภาพท้องทุ่งในพื้นที่รองรับน้ำไม่สามารถปลูกต้นไม้หรือพืชเศรษฐกิจหรือประกอบกิจการอื่นๆ ที่เป็นการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ การดำเนินงานพัฒนาศูนย์เรียนรู้ต้นแบบดังกล่าวโดยการประสานงานและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุยบุรีและสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พร้อมทั้งการขับเคลื่อนสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการดำเนินงานของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ทำให้มีการขุดปรับพื้นที่สร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบในเวลาต่อมาหากแต่ยังประสบปัญหาสภาพดินใช้ฝั่งทะเลที่เป็นโคกหนองนาน้ำเค็มและสภาพน้ำซึ่งเป็นน้ำกร่อย
ภายหลังมีการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือการดำเนินงานขับเคลื่อนโคกหนองนากรมการพัฒนาชุมชนทำให้การดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่ โดย นายบุญเลิศ แสงนิล ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าพื้นที่ต้นแบบของตนนั้น "ทำเเบบคนจน" ลงมือทำ ปรับเปลี่ยนและปรับปรุงพื้นที่ไปตามสภาพปัญหา มีการลองผิดลองถูก การใช้ประโยชน์จากคลองไส้ไก่ โดยการทำท่อนำน้ำจืดจากคลองเข้าพื้นที่มาที่สระเล็กเป็นบ่อพักน้ำ จากนั้นใช้คลองไส้ไก่ที่มีรอบ ๆ พื้นที่ผันน้ำเข้าสระใหญ่ และใช้น้ำจากคลองไส้ไก่ในการเลี้ยงต้นไม้รอบ ๆ พื้นที่
ขณะเดียวกันจากปัญหาสภาพดินเปรี้ยวส่งผลให้ต้นไม้และพืชผักไม่เจริญเติบโตและตาย จึงหันมาใช้วิธีการปรุงดิน หรือการทำกระถางดินให้ต้นไม้ คือการขุดดินเก่าออกแล้วนำดินที่ผสมปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกรองในก้นหลุม แล้วนำต้นไม้ลงปลูกในหลุม ทำให้ในปัจจุบันต้นไม้สามารถเจริญเติบโตได้ดี ส่วนการทำเตาเผาถ่าน ได้ทั้งถ่านและน้ำส้มควันไม้มีผลผลิตไว้แบ่งปัน และนำไปจำหน่ายแก่เพื่อนบ้านในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัว และเป็นเเหล่งเรียนรู้ให้คนในชุมชนและนอกจากนั้นยังมีการทำปศุสัตว์โดยการเลี้ยงแพะและหมุนเวียนด้วยการใช้มูลแพะในการบำรุงต้นไม้สร้างการหมุนเวียนในระบบนิเวศอย่างครบวงจร
พร้อมกันนี้ในการดำเนินงานการขับเคลื่อนเครือข่าย นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน ได้เน้นย้ำถึงหัวใจหลักในการพัฒนาแปลงคือความตั้งมั่นในศาสตร์พระราชาและความมุ่งมั่นของเจ้าของแปลงควบคู่ไปกับการสร้างเครือข่ายในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายแนวคิดในการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งได้ผ่านบทพิสูจน์แล้วว่าสามารถอุดช่องโหว่ในการพัฒนา สร้างความยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมภูมิสังคมและคุณภาพชีวิต ตามแนวทางการขับเคลื่อนงานของปลัดกระทรวงมหาดไทย และเป็นการพัฒนาสู่ความยั่งยืนในอนาคตได้อย่างแท้จริง
#สำนักตรวจราชการ
#๗๐พรรษาจิตอาสาเทิดไท้องค์ราชัน
#WorldSoilDay
#GlobalSoilPartnership
#UNFAO
#SEPtoSDGs
#SDGforAll
#60ปีกรมการพัฒนาชุมชน
#130ปีกระทรวงมหาดไทย_บำบัดทุกข์บำรุงสุข
No comments:
Post a Comment