K 11 Musea สวรรค์แห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ - Once In A Life Time

Once In A Life Time

ก้าวไปกับเราครั้งหนึ่งในชีวิต

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Monday, January 1, 2024

K 11 Musea สวรรค์แห่งใหม่ เอาใจคนรักศิลปะ





“ฮ่องกง”  ประเทศที่ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัส  วันนี้ได้มีโอกาสมาเปิดประสบการณ์กันแล้ว  แต่ขอบอกว่ามันอาจจะยาวหน่อยนะ เพราะอยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสเหมือนกับเรา......





เอาละไปกันเลย....  ทริปนี้เราเดินทาง โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG600 เครื่องออกเวลา 8.00 น.  ถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง เวลา 11.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่นจะเร็วกว่าไทย 1 ชม.)  โหลดสัมภาระได้ 20 กก. เครื่องบินลำใหญ่นั่งสะดวกสบายมาก 











เมื่อเรามาถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง ผ่านกระบวนของ ตม. เรียบร้อย  ไกด์ มารอรับพวกเราที่บริเวณทางออก B ก่อนเข้าที่พัก  ก็ได้แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านชาบูชื่อ Thai Pot ย่าน “Mongkok” เป็นร้านชาบูชื่อดัง แต่ไม่ได้ดังแค่ชื่อนะ รสชาติ ก็ดีมากๆ ด้วย  อาหารที่นี่สดสะอาด น้ำซุปอร่อยมากมีส่วนผสมของ พุทธาจีน ลำใย และ อื่น ๆ หลายชนิด บอกเลยว่าถูกปากมากมาย  อิ่มอร่อยกันแล้ว ก็ออกเดินทางไปยังโรงแรมที่พักย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) กันเลย....





โรงแรมที่พักของเราเป็น โรงแรมระดับ 5 ดาว ชื่อว่า “New World Millennium Hong Kong Hotel”  มีที่ตั้งอยู่ ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวมากมาย สะดวกต่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ   มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะป็น บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรีในทุกห้องพัก มีห้องสตรีม สระว่ายน้ำกลางแจ้ง  ห้องซาวน่า  ในส่วนของห้องพักมีให้เลือก 2 วิว คือ City View หรือ Harbour  View ประเภทห้องพักเริ่มตั้งแต่ Superior Room / Deluxe Room / the Premier Room และ Deluxe Harbour View และที่เพิ่มมาคือ Elite Room  และในส่วนของ Residence Club Room ก็มีห้องให้เลือกหลายแบบเช่นกัน  โดยจะได้สิทธิ์การใช้บริการ Residence Club ซึ่งจะมี อาหาร ของว่าง เครื่องดื่มหลากชนิด บริการฟรีตลอดทั้งวัน   







เราได้พักห้อง  Harbour View  ขอบอกเลยว่าฟินมากมาย กับบรรยากาศดี ๆ  ที่มองเห็น วิวของอ่าววิคตอเรีย  ถนนจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui)  อยู่ข้างหน้าเลย บอกเลยสวยงามมากจริง ๆ ทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน ห้องน้ำกว้างมาก ที่นอนหมอนนุ่มมากหลับสบายกันเลยทีเดียว  ที่สำคัญคือเดินไปกลับยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกมาก  เหมือนเราที่เดินไปกลับกัน วันละหลายรอบ แหม....ก็มันฟินจริง ๆ นี่   







หลังจากพักผ่อนและเก็บของกันเรียบร้อย  ทีนี้ก็ถึงเวลาเดินเล่นกันแล้ว.... เราใช้วิธีเดิน.... ซึ่งบอกแล้วว่าไม่ไกล มาที่ย่าน Victoria Dockside ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ K11 MUSEA (มิวซี) ตั้งอยู่ใจกลางท่าเรือวิคตอเรีย และมี Avenue of Stars สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ เกาะฮ่องกง  โดยสถานที่นี้ถือได้ว่าเป็น ห้างสรรพสินค้าคอมเพล็กซ์ที่ผสมผสาน ทั้งศิลปวัฒนธรรมและแหล่งช็อปปิ้งระดับโลก ซึ่งสร้างขึ้นจากไอเดีย Art Mall ภายในห้างฯ มีทั้งแบรนด์ระดับโลกและสตรีทแบรนด์ รวมเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ  โดยได้รวบรวมงานศิลปะทั้งจากฮ่องกงและนานาชาติมาไว้ด้วยกัน และจัดแสดงงานศิลป์คอลเลกชั่นพิเศษ





ห้างแห่งนี้   ได้ชื่อว่าเป็น ซิลิคอนวัลเลย์ทางวัฒนธรรมของฮ่องกง ด้วยการปฏิวัติการออกแบบ-ตกแต่ง ผสมผสานงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมล้ำจินตนาการมาอยู่บนตัวอาคาร  เมื่อเราเข้าไปในตัวอาคาร และมองขึ้นไปบนเพดานจะพบกับ Gold Ball บอลกระจกขนาดยักษ์พร้อมตาข่ายสามเหลี่ยมสีทอง ที่สามารถสร้างโปรแกรมฉายภาพเอฟเฟกต์หลากหลายได้ โดยจะให้แสงต่างกันไปในแต่ละมุมมอง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในฮ่องกง รวมทั้งใช้เป็น ป๊อปอัป สโตร์ และงานอีเวนต์ต่าง ๆ ด้วย  



ความใส่ใจในรายละเอียด ... ในภาพนี้คือ...... ดูแทบไม่ออกเลยใช่มั๊ย เพราะมันคือ ปุ่มกด เรียกลิฟท์ ขึ้น ลง อยู่ที่ หนังสือ ที่วางอยู่บนชั้นวางของ  กว่าจะหาปุ่มเจอ งง กันไปพักใหญ่ เพราะดูแทบไม่ออกเลย น่ารักมั้ยล่ะ......






และภายใน K11 MUSEA ยังเป็นสถานที่ตั้งของ Legoland Discovery Centre Hong Kong ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นเลโก้ในร่มแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในฮ่องกง โดยจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ คือ Kingdom Quest, Duplo Farm, Merlin's Apprentice, Lego Racer: Build & Test และ Lego 4D Studio









เมื่อเราเดินเข้ามาแล้ว จะตื่นตาตื่นใจกับ Miniland ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย  สถานที่สำคัญของฮ่องกง ในแบบย่อส่วน  โดยเราจะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวจุดเด่น ๆ ที่ สร้างขึ้นจากตัวต่อเลโก้ เช่น ท่าเรือสตาร์เฟอร์รี่ เซ็นทรัล พีคแทรม ไท่โอ และถนนเทมเปิล  จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังโซน





โซน Lego 4D Studio หรือโรงภาพยนต์ 4 มิติ ที่เราจะได้สัมผัสกับแสงสีเสียงอันน่าตื่นตาตื่นใจ  โดยเฉพาะเวลาเกิด ลม ฝน หรือหิมะ เมื่อนั้นเราก็จะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นจริง ๆ  ไม่ว่าจะโดนลมพัด  ฝนตกก็เปียก และหิมะตกโปรยปรายลงมา  มันช่างเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ กันเลยทีเดียว   ผู้ใหญ่อย่างเรายังวี๊ดว๊าย ชอบใจ แล้วเด็ก ๆ ล่ะ จะฟินกันเบอร์ไหน.........  ไม่น่าถามเนอะ  




จากนั้นก็มาต่อกันที่ โซนเครื่องเล่น Kingdom Quest   ที่เราได้สวมบทบาทเป็นอัศวิน ขี่รถม้าไปช่วยเจ้าหญิงจากเหล่าสัตว์ประหลาดตัวร้าย โดยใช้ปืนเลเซอร์ยิงไปที่หน้าจอ เพื่อเก็บคะแนนแข่งกัน ใครยิงแม่นจะได้แต้มมากสุด  งานนี้เด็กผู้ชาย น่าจะชอบมากกว่า เด็กผู้หญิงนะ และสามารถเข้ามาเล่นเป็นครอบครัวกันได้เลย  เสียดายว่า เป็นกฏของทางสถานที่ห้ามถ่ายภาพในโซนนี้ เลยไม่มีรูปสวย ๆ มาให้ดูกันเลย   



แล้วก็มาต่อกันที่โซน Merlin’s Apprentice Ride  ที่เป็นเครื่องเล่นสไตล์ม้าหมุน  ให้เราสวมบทบาทเป็นพ่อมดฝึกหัด ลูกศิษย์ของพ่อมดเมอร์ลิน  โดยให้ปั่นจักรยานวิเศษเพื่อบินขึ้นลง  พอเราปั่นเครื่องมันก็จะสูงขึ้น ๆ เป็นการออกกำลังขา ไปในตัวด้วย  เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ขายังแข็งแรงรับรองเล่นได้ทุกคน เล่นได้ทั้งครอบครัว ขอบอกเลยว่าเป็นอีกโซนที่ทุกคนต้องชอบเหมือนกับเราแน่นอนเลย   






และแล้วก็หมดเวลากับการสนุกสนานเพลิดเพลินในวันนี้  ก่อนกลับใครอยากซื้อชุดเลโก้กลับบ้านไปฝากเด็ก ๆ หรือหากเป็นคนที่ชื่นชอบในการต่อเลโก้ ก็แวะซ๊อปกันได้เลย ที่ร้านเลโก้ จะมีสินค้ามากมายมาไว้บริการให้เราได้เลือกซื้อกันตามอัธยาศรัย   หากรู้สึกหิวก็เติมพลังกันด้วยของว่างและเครื่องดื่มจากร้านกาแฟ ที่อยู่ภายในโซนนี้ได้  แต่ถ้าอยากไปจิบน้ำชา ก็ตามเรามากันได้เลยที่





ร้าน Camillia เป็นร้านอาหารแนวคิดใหม่ของ THE FOOD STORY ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านแรกที่สร้างสรรค์น้ำชายามบ่ายในธีม  ช็อกโกแลตที่หายาก และยังให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ของคาว ไปจนถึงของหวานเลิศรส โดยจุดเด่นของร้านคือการ ใช้สีชมพูและดอกไม้เป็นธีมหลัก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รับประทานอาหารกึ่งส่วนตัวเพื่อให้แขกได้เพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารแบบส่วนตัวกับเพื่อนสนิทอีกด้วย  












ใครชื่นชอบชาสไตล์อังกฤษ ก็มากันที่ ร้าน Foutnum & Mason (ฟอร์ตนัมและเมสัน) ร้านจำหน่ายชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ ที่ได้เปิดตัวที่ K11 MUSEA เป็นครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ อันเป็นเอกลักษณ์ ในด้านชา ช็อคโกแลตทำมือ และตะกร้าหวาย ซึ่งแต่ละชิ้นมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์หลายศตวรรษ และปัจจุบันยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์จินตนาการ ในการดื่มชา หลังจากดื่มชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ















สำหรับผู้ที่หลงใหลในอัญมณี  ที่นี่มี  L’Ecole, เล-กอล School of Jewelry Arts  เป็นโรงเรียน สำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และวิธีการสร้างสรรค์จิวเวลรี ในทุกขั้นตอน  ซึ่งในปัจจุบัน มีสาขาอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และฮ่องกง  โดยมีบทเรียนกว่า 32 คอร์ส  ไม่ว่าจะเป็นการคัดเกรดเพชรที่ต้องอาศัยสายตา และสองมือของมนุษย์  โดยผู้ก่อตั้งคือ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ มีพันธกิจสำคัญคือ การแผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะแห่งเครื่องประดับให้คนทั่วไปได้รับรู้มากที่สุด  สำหรับแบรนด์ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ นั้น เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ที่เก่าแก่กว่า 100 ปี  โดยจุดเด่นของแบรนด์ อยู่ที่งานฝีมืออันประณีต การนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นผลงานเครื่องประดับที่สวยงาม หลายๆ ชิ้นของแบรนด์จึงมีเพียงชิ้นเดียวในโลก และมีมูลค่าที่แทบจะหาค่าไม่ได้เลยทีเดียว


















และหากใครที่ชื่นชอบในงานศิลปะ ก็มาแวะชมกันได้ที่  MoMA Design Store  ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (MoMA)  แห่งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่ MoMA Design Store ได้ร่วมกับ EDGE Design จากเกาะฮ่องกงในการออกแบบร้านค้าเพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ร่วมกันระหว่างแบรนด์และสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์การออกแบบและของขวัญมากมาย มารวมตัวกันที่นี่ ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์รุ่น Limited ที่มีหลากหลายให้เลือกอีกด้วย





เหนื่อยกันแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง งั้นไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า วันนี้เราไปฝากท้องกันที่ร้าน Majesty Chinese Restaurant  อยู่ถนน บนถนน Nathan เข้าไปข้างในร้านใหญ่โต กว้างมาก คนเยอะ ที่นั่งเป็นโต๊ะกลม เหมือนเข้ามาในงานเลี้ยงโต๊ะจีน คนเยอะมากมาย  เอาละวันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนแบบสบาย ๆ กันก่อนที่ New World Millennium Hong Kong Hotel   ไว้จะพาไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่ทุกคนมาแล้วต้องได้ไป  รอติดตามกันนะ ....................


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad