“ฮ่องกง” ประเทศที่ใคร ๆ ก็อยากไปสัมผัส วันนี้ได้มีโอกาสมาเปิดประสบการณ์กันแล้ว แต่ขอบอกว่ามันอาจจะยาวหน่อยนะ เพราะอยากให้ทุกคนได้ไปสัมผัสเหมือนกับเรา......
เอาละไปกันเลย.... ทริปนี้เราเดินทาง โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG600 เครื่องออกเวลา 8.00 น. ถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง เวลา 11.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่นจะเร็วกว่าไทย 1 ชม.) โหลดสัมภาระได้ 20 กก. เครื่องบินลำใหญ่นั่งสะดวกสบายมาก
โรงแรมที่พักของเราเป็น โรงแรมระดับ 5 ดาว ชื่อว่า “New World Millennium Hong Kong Hotel” มีที่ตั้งอยู่ ย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวมากมาย สะดวกต่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะป็น บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรีในทุกห้องพัก มีห้องสตรีม สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องซาวน่า ในส่วนของห้องพักมีให้เลือก 2 วิว คือ City View หรือ Harbour View ประเภทห้องพักเริ่มตั้งแต่ Superior Room / Deluxe Room / the Premier Room และ Deluxe Harbour View และที่เพิ่มมาคือ Elite Room และในส่วนของ Residence Club Room ก็มีห้องให้เลือกหลายแบบเช่นกัน โดยจะได้สิทธิ์การใช้บริการ Residence Club ซึ่งจะมี อาหาร ของว่าง เครื่องดื่มหลากชนิด บริการฟรีตลอดทั้งวัน
เราได้พักห้อง Harbour View ขอบอกเลยว่าฟินมากมาย กับบรรยากาศดี ๆ ที่มองเห็น วิวของอ่าววิคตอเรีย ถนนจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) อยู่ข้างหน้าเลย บอกเลยสวยงามมากจริง ๆ ทั้งตอนกลางวัน และกลางคืน ห้องน้ำกว้างมาก ที่นอนหมอนนุ่มมากหลับสบายกันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือเดินไปกลับยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกมาก เหมือนเราที่เดินไปกลับกัน วันละหลายรอบ แหม....ก็มันฟินจริง ๆ นี่
หลังจากพักผ่อนและเก็บของกันเรียบร้อย ทีนี้ก็ถึงเวลาเดินเล่นกันแล้ว.... เราใช้วิธีเดิน.... ซึ่งบอกแล้วว่าไม่ไกล มาที่ย่าน Victoria Dockside ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ K11 MUSEA (มิวซี) ตั้งอยู่ใจกลางท่าเรือวิคตอเรีย และมี Avenue of Stars สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ เกาะฮ่องกง โดยสถานที่นี้ถือได้ว่าเป็น ห้างสรรพสินค้าคอมเพล็กซ์ที่ผสมผสาน ทั้งศิลปวัฒนธรรมและแหล่งช็อปปิ้งระดับโลก ซึ่งสร้างขึ้นจากไอเดีย Art Mall ภายในห้างฯ มีทั้งแบรนด์ระดับโลกและสตรีทแบรนด์ รวมเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โดยได้รวบรวมงานศิลปะทั้งจากฮ่องกงและนานาชาติมาไว้ด้วยกัน และจัดแสดงงานศิลป์คอลเลกชั่นพิเศษ
ห้างแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็น ซิลิคอนวัลเลย์ทางวัฒนธรรมของฮ่องกง ด้วยการปฏิวัติการออกแบบ-ตกแต่ง ผสมผสานงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมล้ำจินตนาการมาอยู่บนตัวอาคาร เมื่อเราเข้าไปในตัวอาคาร และมองขึ้นไปบนเพดานจะพบกับ Gold Ball บอลกระจกขนาดยักษ์พร้อมตาข่ายสามเหลี่ยมสีทอง ที่สามารถสร้างโปรแกรมฉายภาพเอฟเฟกต์หลากหลายได้ โดยจะให้แสงต่างกันไปในแต่ละมุมมอง ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในฮ่องกง รวมทั้งใช้เป็น ป๊อปอัป สโตร์ และงานอีเวนต์ต่าง ๆ ด้วย
ความใส่ใจในรายละเอียด ... ในภาพนี้คือ...... ดูแทบไม่ออกเลยใช่มั๊ย เพราะมันคือ ปุ่มกด เรียกลิฟท์ ขึ้น ลง อยู่ที่ หนังสือ ที่วางอยู่บนชั้นวางของ กว่าจะหาปุ่มเจอ งง กันไปพักใหญ่ เพราะดูแทบไม่ออกเลย น่ารักมั้ยล่ะ......
และภายใน K11 MUSEA ยังเป็นสถานที่ตั้งของ Legoland Discovery Centre Hong Kong ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่นเลโก้ในร่มแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในฮ่องกง โดยจะแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ คือ Kingdom Quest, Duplo Farm, Merlin's Apprentice, Lego Racer: Build & Test และ Lego 4D Studio
เมื่อเราเดินเข้ามาแล้ว จะตื่นตาตื่นใจกับ Miniland ที่มีขนาดใหญ่ ประกอบด้วย สถานที่สำคัญของฮ่องกง ในแบบย่อส่วน โดยเราจะเห็นสถานที่ท่องเที่ยวจุดเด่น ๆ ที่ สร้างขึ้นจากตัวต่อเลโก้ เช่น ท่าเรือสตาร์เฟอร์รี่ เซ็นทรัล พีคแทรม ไท่โอ และถนนเทมเปิล จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังโซน
โซน Lego 4D Studio หรือโรงภาพยนต์ 4 มิติ ที่เราจะได้สัมผัสกับแสงสีเสียงอันน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะเวลาเกิด ลม ฝน หรือหิมะ เมื่อนั้นเราก็จะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะโดนลมพัด ฝนตกก็เปียก และหิมะตกโปรยปรายลงมา มันช่างเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริง ๆ กันเลยทีเดียว ผู้ใหญ่อย่างเรายังวี๊ดว๊าย ชอบใจ แล้วเด็ก ๆ ล่ะ จะฟินกันเบอร์ไหน......... ไม่น่าถามเนอะ
จากนั้นก็มาต่อกันที่ โซนเครื่องเล่น Kingdom Quest ที่เราได้สวมบทบาทเป็นอัศวิน ขี่รถม้าไปช่วยเจ้าหญิงจากเหล่าสัตว์ประหลาดตัวร้าย โดยใช้ปืนเลเซอร์ยิงไปที่หน้าจอ เพื่อเก็บคะแนนแข่งกัน ใครยิงแม่นจะได้แต้มมากสุด งานนี้เด็กผู้ชาย น่าจะชอบมากกว่า เด็กผู้หญิงนะ และสามารถเข้ามาเล่นเป็นครอบครัวกันได้เลย เสียดายว่า เป็นกฏของทางสถานที่ห้ามถ่ายภาพในโซนนี้ เลยไม่มีรูปสวย ๆ มาให้ดูกันเลย
แล้วก็มาต่อกันที่โซน Merlin’s Apprentice Ride ที่เป็นเครื่องเล่นสไตล์ม้าหมุน ให้เราสวมบทบาทเป็นพ่อมดฝึกหัด ลูกศิษย์ของพ่อมดเมอร์ลิน โดยให้ปั่นจักรยานวิเศษเพื่อบินขึ้นลง พอเราปั่นเครื่องมันก็จะสูงขึ้น ๆ เป็นการออกกำลังขา ไปในตัวด้วย เหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ขายังแข็งแรงรับรองเล่นได้ทุกคน เล่นได้ทั้งครอบครัว ขอบอกเลยว่าเป็นอีกโซนที่ทุกคนต้องชอบเหมือนกับเราแน่นอนเลย
และแล้วก็หมดเวลากับการสนุกสนานเพลิดเพลินในวันนี้ ก่อนกลับใครอยากซื้อชุดเลโก้กลับบ้านไปฝากเด็ก ๆ หรือหากเป็นคนที่ชื่นชอบในการต่อเลโก้ ก็แวะซ๊อปกันได้เลย ที่ร้านเลโก้ จะมีสินค้ามากมายมาไว้บริการให้เราได้เลือกซื้อกันตามอัธยาศรัย หากรู้สึกหิวก็เติมพลังกันด้วยของว่างและเครื่องดื่มจากร้านกาแฟ ที่อยู่ภายในโซนนี้ได้ แต่ถ้าอยากไปจิบน้ำชา ก็ตามเรามากันได้เลยที่
ร้าน Camillia เป็นร้านอาหารแนวคิดใหม่ของ THE FOOD STORY ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านแรกที่สร้างสรรค์น้ำชายามบ่ายในธีม ช็อกโกแลตที่หายาก และยังให้บริการอาหารตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ของคาว ไปจนถึงของหวานเลิศรส โดยจุดเด่นของร้านคือการ ใช้สีชมพูและดอกไม้เป็นธีมหลัก นอกจากนี้ยังมีพื้นที่รับประทานอาหารกึ่งส่วนตัวเพื่อให้แขกได้เพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารแบบส่วนตัวกับเพื่อนสนิทอีกด้วย
ใครชื่นชอบชาสไตล์อังกฤษ ก็มากันที่ ร้าน Foutnum & Mason (ฟอร์ตนัมและเมสัน) ร้านจำหน่ายชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ ที่ได้เปิดตัวที่ K11 MUSEA เป็นครั้งแรกในเอเชีย ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ อันเป็นเอกลักษณ์ ในด้านชา ช็อคโกแลตทำมือ และตะกร้าหวาย ซึ่งแต่ละชิ้นมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์หลายศตวรรษ และปัจจุบันยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์จินตนาการ ในการดื่มชา หลังจากดื่มชาที่บอกถึงความเป็นแก่นแท้ของอังกฤษ
สำหรับผู้ที่หลงใหลในอัญมณี ที่นี่มี L’Ecole, เล-กอล School of Jewelry Arts เป็นโรงเรียน สำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และวิธีการสร้างสรรค์จิวเวลรี ในทุกขั้นตอน ซึ่งในปัจจุบัน มีสาขาอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และฮ่องกง โดยมีบทเรียนกว่า 32 คอร์ส ไม่ว่าจะเป็นการคัดเกรดเพชรที่ต้องอาศัยสายตา และสองมือของมนุษย์ โดยผู้ก่อตั้งคือ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ มีพันธกิจสำคัญคือ การแผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะแห่งเครื่องประดับให้คนทั่วไปได้รับรู้มากที่สุด สำหรับแบรนด์ แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เพลส์ นั้น เป็นแบรนด์จิวเวลรี่ที่เก่าแก่กว่า 100 ปี โดยจุดเด่นของแบรนด์ อยู่ที่งานฝีมืออันประณีต การนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาสร้างสรรค์เป็นผลงานเครื่องประดับที่สวยงาม หลายๆ ชิ้นของแบรนด์จึงมีเพียงชิ้นเดียวในโลก และมีมูลค่าที่แทบจะหาค่าไม่ได้เลยทีเดียว
และหากใครที่ชื่นชอบในงานศิลปะ ก็มาแวะชมกันได้ที่ MoMA Design Store ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ก (MoMA) แห่งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่ MoMA Design Store ได้ร่วมกับ EDGE Design จากเกาะฮ่องกงในการออกแบบร้านค้าเพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ร่วมกันระหว่างแบรนด์และสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์การออกแบบและของขวัญมากมาย มารวมตัวกันที่นี่ ล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์รุ่น Limited ที่มีหลากหลายให้เลือกอีกด้วย
เหนื่อยกันแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง งั้นไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า วันนี้เราไปฝากท้องกันที่ร้าน Majesty Chinese Restaurant อยู่ถนน บนถนน Nathan เข้าไปข้างในร้านใหญ่โต กว้างมาก คนเยอะ ที่นั่งเป็นโต๊ะกลม เหมือนเข้ามาในงานเลี้ยงโต๊ะจีน คนเยอะมากมาย เอาละวันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ขอกลับไปพักผ่อนแบบสบาย ๆ กันก่อนที่ New World Millennium Hong Kong Hotel ไว้จะพาไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่ทุกคนมาแล้วต้องได้ไป รอติดตามกันนะ ....................
No comments:
Post a Comment