อธิบดี พช. ร่วมลงนาม MOU รวม 22 หน่วยงาน พัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ประชาชน ใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อความอยู่ดีกินดี - Once In A Life Time

Once In A Life Time

ก้าวไปกับเราครั้งหนึ่งในชีวิต

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Sunday, September 4, 2022

อธิบดี พช. ร่วมลงนาม MOU รวม 22 หน่วยงาน พัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานให้ประชาชน ใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อความอยู่ดีกินดี


พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างฟื้นฐานที่จำเป็นในพื้นที่ คทช. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทซ.) และกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมกับอีก 20 หน่วยงาน แสดงเจตจำนงในการผนึกกำลังกันบูรณาการพัฒนาพื้นที่ คทช. โดยการสนับสนุนจัดทำโครงสร้างพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ 22 หน่วยงานที่ร่วมลงนามประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและกลุ่มหน่วยงานพัฒนา อาทิ การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการดำเนินการร่วมกัน ให้เกิดการอนุญาตและดำเนินการที่รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะด้านการพัฒนา เส้นทางคมนาคมขนส่ง การพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบไฟฟ้า ที่จะช่วยให้ประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน


พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ได้มาเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการบูรณาการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ในพื้นที่คทช. ในวันนี้ การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ในลักษณะแปลงรวม โดยมิให้กรรมสิทธิ์แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์เป็นกลุ่มหรือชุมชน เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำปัญหาการขาดที่ดินทำกินโดยให้พี่น้องประชาชน ผู้ยากไร้ ได้มีสิทธิทำกิน และอยู่อาศัยในที่ดินของรัฐ

อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ป้องกันการเปลี่ยนมือ และการเข้ามาครอบครองของนายทุน เกษตรกรมีที่ดินทำกินอย่างยั่งยืนและตกทอดไปถึงลูกหลานได้ พร้อมได้เน้นย้ำให้หน่วยงานรัฐ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา เส้นทางคมนาคม และแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภคต่าง 1 เพื่อให้สามารถลงหลักปักฐานต่อไปในระยะยาวได้ รวมทั้งให้มีการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่และต่อยอดไปสู่การจัดหาตลาด รวมถึง ช่องทางการกระจายผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถมีรายได้อย่างเพียงพอและมั่นคง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง





ในช่วงเช้า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบาย แนวทาง มาตรการการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ โดยมีเรื่องที่ประชุมพิจารณาที่สำคัญ จำนวน 3 เรื่องประกอบด้วย ร่างหลักเกณฑ์การจำแนกประเภทที่ดินตามผลการจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินและการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่ไม้ถาวร ซึ่งให้กรมป่าไม้ดำเนินการกำหนดพื้นที่เป้าหมาย รวมถึงแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566-2570)

นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย กล่าวกว่า กรมการพัฒนาชุมชนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้เกิดแก่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยกรมการพัฒนาชุมชนจะดำเนินงานตามบทบาท อำนาจ หน้าที่ และภายใต้งบประมาณ ได้แก่ การร่วมวางแผนกำหนดแผนงาน บูรณาการ สนับสนุนข้อมูล เพื่อการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น พัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ คทช.ตามแผนงานที่กำหนดร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆ การกำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ คทช. ให้มีความมั่นคง และการติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad